ค่า VOC คือสารอินทรีย์ระเหยจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ค่า VOC คืออะไร ? ทำไมต้องควบคุมค่าให้ได้มาตรฐาน

รู้หรือไม่ว่า โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่มักพบกับสารเคมีในชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่เสมอ หนึ่งในนั้นคือ สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ซึ่งมีอยู่ในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นในบ้าน หรือโรงงานอุตสาหกรรม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ VOCs จึงเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากสารเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหากไม่รีบจัดการอย่างเหมาะสม

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) คืออะไร ?

สารอินทรีย์ระเหยง่าย หรือ Volatile Organic Compounds คือสารอินทรีย์ที่สามารถระเหยกลายเป็นไอในอุณหภูมิและความดันปกติได้ง่าย มีคุณสมบัติที่สามารถกระจายตัวไปในอากาศและเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านการหายใจ หรือการสัมผัส แล้วสารอินทรีย์ระเหยง่ายมีชนิดใดบ้าง สามารถแบ่งประเภทจากแหล่งที่มาได้ ดังนี้

  • Non-halogenated Hydrocarbons พบได้ในผลิตภัณฑ์ทั่วไป เช่น สีน้ำมัน น้ำยาทำความสะอาด
  • Halogenated Hydrocarbons จากกระบวนการในอุตสาหกรรม เช่น การล้างชิ้นส่วนโลหะ

ผลกระทบของ VOCs

หาก VOCs มีค่าเกินมาตรฐานควบคุม จะเกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนี้

ผลกระทบต่อสุขภาพ

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) มีศักยภาพในการส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ขึ้นอยู่กับระดับการสัมผัส ความเข้มข้นของสาร และระยะเวลาที่ได้รับสาร โดยผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นเมื่อค่า VOCs เกินค่าควบคุมมาตรฐาน คือ

  • ระยะสั้น (Acute Effects)
    • การระคายเคือง ต่อดวงตา จมูก ลำคอ หากสัมผัสในระดับความเข้มข้นสูง หรืออยู่ในพื้นที่ปิด เช่น โรงงานอุตสาหกรรมหรือห้องที่ระบายอากาศไม่ดี 
    • ระบบทางเดินหายใจ ส่งผลให้เกิดอาการหายใจลำบาก และอาจกระตุ้นอาการของโรคทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หรือภูมิแพ้
    • ระบบประสาทส่วนกลาง โดย VOCs เช่น ไตรคลอโรเอทิลีน (Trichloroethylene) และเบนซีน อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และปวดหัว
  • ระยะยาว (Chronic Effects)
    • มะเร็ง หากได้รับ VOCs บางชนิด เช่น เบนซีน (Benzene) และฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) และมะเร็งชนิดอื่น
    • ผลกระทบต่ออวัยวะ การสัมผัส VOCs เป็นเวลานาน อาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญ เช่น ตับ ไต และระบบประสาท โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานในโรงงานที่ใช้สารเคมี

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

VOCs ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศในหลายด้าน 

  • การเกิดโอโซนระดับพื้นดิน (Ground-Level Ozone)

เมื่อ VOCs รวมตัวกับไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และได้รับแสงแดด จะเกิดโอโซนที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเหล่าพืชพรรณ

  • มลพิษทางอากาศ (Air Pollution)

VOCs ที่ปล่อยมาจากโรงงานอุตสาหกรรม ยานพาหนะ หรือการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทำให้คุณภาพอากาศลดลง และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการปล่อย VOCs ในปริมาณมาก อาจส่งผลให้เกิดฝนกรด ซึ่งทำลายดิน น้ำ และสิ่งมีชีวิต

  • ผลกระทบต่อระบบนิเวศ (Ecosystem Impact)

การเพิ่มขึ้นของโอโซนพื้นดิน ทำให้พืชลดการสังเคราะห์แสง ส่งผลต่อการเติบโตและการผลิตอาหารในพืชผลทางการเกษตร อีกทั้ง VOCs ที่รั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำ ยังจะเกิดการสะสมและทำลายระบบนิเวศของสัตว์น้ำ เช่น ปลาและพืชน้ำ

มาตรฐานและค่าควบคุมของ VOCs

ตามประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในปี 2550 กรมควบคุมมลพิษของไทยได้กำหนดมาตรฐานควบคุมค่าสารอินทรีย์ระเหย (VOCs) ไว้ดังนี้

มาตรฐานค่าสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไป ในเวลา 1 ปี

สารมลพิษ ค่ามาตรฐาน (μg/m³)
เบนซีน (Benzene) 1.7
ไวนิลคลอไรด์ (Vinyl Chloride) 10.0
1,2-ไดคลอโรอีเทน (1,2-Dichloroethane) 0.4
ไตรคลอโรเอทธิลีน (Trichloroethylene) 23.0
ไดคลอโรมีเทน (Dichloromethane) 22.0
1,2-ไดคลอโรโพรเพน (1,2-Dichloropropane) 4.0
เตตระคลอโรเอทธิลีน (Tetrachloroethylene) 200.0
คลอโรฟอร์ม (Chloroform) 0.43
1,3-บิวทาไดอีน (1,3-Butadiene) 0.33

 

ค่าเฝ้าระวังสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไป ในเวลา 24 ชั่วโมง

สารมลพิษ ค่าเฝ้าระวัง (μg/m³)
Acetaldehyde 860
Acrylonitrile 10
Benzene 7.6
Benzyl Chloride 12
1,3-Butadiene 5.3
Bromomethane 190
Carbon Tetrachloride 150
Chloroform 57
1,2-Dibromoethane 370
1,4-Dichlorobenzene 1100
1,2-Dichloroethane 48
Dichloromethane 210
1,2-Dichloropropane 82
1,4-Dioxane 860
2-Propenal/acrolein 0.55
Tetrachloroethylene 400
1,1,2,2-Tetrachloroethane 83
Trichloroethylene 130
Vinyl Chloride 20

 

การใช้เครื่องมือและเทคนิคในการตรวจวัดค่ามาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่าย

วิธีการตรวจวัดค่า VOCs

เนื่องจากสาร VOCs ในอากาศสามารถเปลี่ยนแปลงได้บ่อย การตรวจวัดสาร VOCs จึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อติดตาม ควบคุมมลพิษ และประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น โดยเครื่องมือและเทคนิคที่ใช้ในการตรวจค่า VOCs คือ

Gas Chromatography (GC) ใช้แยกและวิเคราะห์ VOCs อย่างแม่นยำ

Gas Chromatography (GC) เป็นเทคนิคที่ใช้แยกส่วนประกอบในตัวอย่างที่มีสารระเหย เช่น VOCs โดยการส่งตัวอย่างผ่านคอลัมน์ที่มีวัสดุปิดผิวที่สามารถแยกสารตามคุณสมบัติ เช่น ความสามารถในการดูดซับ หรือระเหยจากวัสดุ ก๊าซที่ผ่านไปจะถูกตรวจวัดโดยเครื่องมือที่เรียกว่า Detector ซึ่งจะช่วยให้สามารถระบุชนิดและปริมาณของ VOCs ในตัวอย่างได้

เครื่องวัดแบบพกพา (Portable VOC Detector) เหมาะสำหรับการตรวจวัดในสถานที่จริง

Portable VOC Detector เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจวัดระดับ VOCs ในสภาพแวดล้อมจริงได้ เช่น ในโรงงาน ออฟฟิศ หรือพื้นที่ที่มีการใช้งานสารเคมี โดยจะใช้เซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับและวัดปริมาณของ VOCs ในอากาศได้อย่างรวดเร็ว

Health & Envitech บริการจัดการ VOCs เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

สารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) เป็นสารที่มีผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ VOCs และการปฏิบัติตามมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากต้องการตรวจวัดค่า VOCs และปรับปรุงคุณภาพอากาศให้เป็นไปตามค่ามาตรฐานสารอินทรีย์ระเหยง่าย โดย Health & Envitech ให้บริการตรวจวัด VOCs และสารเคมีในโรงงานอย่างครบวงจร พร้อมวิเคราะห์ผลในห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐาน และให้คำปรึกษาเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ สนใจรับคำปรึกษาหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 0-2952-6305-9, LINE Official https://lin.ee/5oJIwdk หรืออีเมล service@healthenvi.com

 

ข้อมูลอ้างอิง: 

  1. แนวทางการจัดการสารอินทรีย์ระเหย. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 จาก http://hawk.diw.go.th/eis/content/dl/20160209100216.pdf