30 ก.ย. การตรวจวัดคุณภาพแสงสว่างในที่ทำงานจำเป็นอย่างไร มีกี่ประเภท
การปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย คุณภาพของสภาพแวดล้อมนับเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานอย่างมาก ดังนั้น กระบวนการประเมินและตรวจสอบสภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน นอกจากจะช่วยพัฒนาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังเป็นการหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นด้วย
แต่นอกจากปัจจัยเรื่องอุณหภูมิ เสียงรบกวน และสภาพอากาศที่หลายคนมักคุ้นเคยแล้ว หนึ่งในปัจจัยที่มักถูกมองข้ามแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งก็คือ “การตรวจวัดแสงสว่าง” ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพดวงตาและประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง ซึ่งในปัจจุบัน การตรวจวัดคุณภาพแสงสว่างมีอยู่หลายประเภท แต่แบบไหนที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับเหล่าพนักงานขณะปฏิบัติงานบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้
การตรวจวัดแสงสว่างจำเป็นอย่างไร ?
แสงสว่างเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ส่งผลต่อการมองเห็นและการทำงานของมนุษย์ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเกินไป ล้วนส่งผลเสียต่อสุขภาพและประสิทธิภาพการทำงานทั้งสิ้น
- ผลกระทบต่อสุขภาพตา เนื่องจากการทำงานภายใต้แสงสว่างที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ปวดตา ตาพร่า หรือแม้กระทั่งเกิดปัญหาสายตาในระยะยาว
- ความผิดพลาดในการทำงาน แสงสว่างที่ไม่เพียงพออาจนำไปสู่การมองเห็นที่ไม่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการหยิบจับอุปกรณ์ หรือการอ่านข้อมูล โดยเฉพาะในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง
- ความปลอดภัยในการทำงาน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุขณะทำงาน เช่น การสะดุด หรือชนกับสิ่งกีดขวาง เนื่องจากมีแสงสว่างไม่เพียงพอ
- ผลกระทบทางจิตใจ การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างไม่เหมาะสมอาจส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดความเครียด หงุดหงิด หรือเบื่อหน่ายได้ง่าย
- ประสิทธิภาพการทำงาน โดยแสงสว่างที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิในการทำงานให้ดีขึ้น
การตรวจวัดแสงสว่างจึงเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถประเมินและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสม เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
วิธีการตรวจวัดคุณภาพแสงสว่างมีกี่ประเภท ?
การเลือกใช้วิธีการวัดขึ้นอยู่กับลักษณะของพื้นที่และวัตถุประสงค์ของการตรวจวัด ซึ่งโดยทั่วไปการตรวจวัดคุณภาพแสงสว่างจะมีอยู่ 2 ประเภท ดังนี้
1. การวัดแบบจุด (Spot Measurement)
การวัดแบบจุดเป็นวิธีการวัดแสงสว่าง ณ จุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับการประเมินแสงสว่างในบางพื้น เช่น โต๊ะทำงาน เครื่องจักร หรือพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำในการมองเห็นสูง ซึ่งจะกำหนดจุดที่ต้องการวัด โดยพิจารณาจากจุดที่สายตากระทบชิ้นงาน หรือจุดที่ทำงานของคนงาน (Point of Work) เพื่อทำการตรวจวัด ดังนี้
- วางเครื่องวัดแสง (Light Meter) ในตำแหน่งที่ต้องการวัด โดยให้เซนเซอร์รับแสงอยู่ในระนาบเดียวกับพื้นที่ทำงาน
- อ่านค่าความเข้มแสงที่วัดได้ (หน่วยเป็นลักซ์ หรือ Lux)
- บันทึกผลการวัดและเปรียบเทียบกับมาตรฐานที่กำหนด*
2. การวัดแสงเฉลี่ยแบบพื้นที่ทั่วไป (Area Measurement)
การวัดแสงประเภทนี้ จะใช้สำหรับประเมินแสงสว่างโดยรวมของพื้นที่ทำงานขนาดใหญ่ เช่น ทางเดิน ห้องทำงาน หรือพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีขั้นตอนการวัดแบบพื้นที่ ดังนี้
- แบ่งพื้นที่ออกเป็นตารางย่อย ขนาดเท่า ๆ กัน
- วัดความเข้มแสงที่จุดตัดของเส้นตาราง
- คำนวณค่าเฉลี่ยของความเข้มแสงทั้งหมด
- เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยที่ได้กับมาตรฐานที่กำหนด*
*ตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ในปี พ.ศ. 2559 จากอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
การควบคุมและป้องกันอันตรายจากแสงสว่าง
การจัดการแสงสว่างในที่ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต่อไปนี้คือวิธีการควบคุมและป้องกันที่สำคัญ
- การจัดการแหล่งแสงเพื่อกำหนดแสงสว่างให้เหมาะสม
-
- การเลือกหลอดไฟที่เหมาะสม โดยใช้หลอดไฟที่ให้แสงสว่างเพียงพอและมีสีที่เหมาะสมกับลักษณะงาน
- การติดตั้งไฟในตำแหน่งที่เหมาะสม จัดวางดวงไฟให้แสงกระจายทั่วถึงและไม่เกิดเงาบนพื้นที่ทำงาน
- การใช้แสงธรรมชาติ ออกแบบพื้นที่ทำงานให้รับแสงธรรมชาติได้มากที่สุด แต่ต้องระวังไม่ให้เกิดแสงจ้าหรือความร้อนมากเกินไป
- แสงสว่างที่ควรหลีกเลี่ยง
-
- แสงจ้า (Glare) ลดแสงจ้าโดยใช้ม่านบังแดด ฟิล์มกรองแสง หรือปรับตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
- แสงกะพริบ (Flicker) หลีกเลี่ยงการใช้หลอดไฟที่เกิดการกะพริบ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการปวดหัวหรือเวียนศีรษะได้
- ลดความแตกต่างของความสว่างระหว่างพื้นที่ทำงานและพื้นที่โดยรอบ เพื่อลดความเครียดของดวงตา
- การบำรุงรักษาแหล่งแสงสว่างให้เหมาะสมต่อการปฏิบัติงาน
-
- การทำความสะอาดอุปกรณ์ให้แสงสว่าง โดยทำความสะอาดหลอดไฟและโคมไฟเป็นประจำ เพื่อรักษาประสิทธิภาพการให้แสงสว่าง
- การเปลี่ยนหลอดไฟตามกำหนด เมื่อหมดอายุการใช้งาน หรือมีประสิทธิภาพลดลง
- การตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
สร้างสภาพแวดล้อมให้สว่าง ปลอดภัย เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยบริการตรวจวัดแสงสว่างกับ Health & Envitech ที่ให้บริการตรวจวัดด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยกระบวนการตรวจวัดคุณภาพในด้านต่าง ๆ และการเก็บตัวอย่างจะดำเนินการโดยมืออาชีพ อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ อีกทั้งยังมีการวิเคราะห์ผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐาน รวมถึงบริการให้คำปรึกษาการติดตามมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สนใจรับคำปรึกษาหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 0-2952-6305-9, LINE Official https://lin.ee/5oJIwdk หรืออีเมล service@healthenvi.com
ข้อมูลอ้างอิง
- เรียนรู้เกี่ยวกับ : การตรวจวัดแสงสว่างในพื้นที่การทำงาน มาตรฐานใหม่. สืบค้นเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 จาก https://www.jorportoday.com/measurement-of-light/