07 ม.ค. เข้าใจค่า Lux มาตรฐานความสว่างภายในอาคารที่ช่วยเสริมการทำงาน
ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน บ้าน หรือพื้นที่สาธารณะ ‘แสงสว่าง’ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิต ซึ่งสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกาย ความสบายตา รวมถึงประสิทธิภาพการทำงาน เนื่องจากแสงที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดความเมื่อยล้าทางสายตา ปวดศีรษะ หรือแม้กระทั่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานความสว่างภายในอาคารจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างถูกต้อง เพื่อส่งเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
รู้จักค่า Lux หน่วยวัดระดับแสงที่เหมาะสมในชีวิตประจำวัน
ค่า Lux เป็นหน่วยวัดความเข้มของแสงสว่างในพื้นที่ โดย 1 Lux จะเท่ากับการที่แสงสว่าง 1 ลูเมนกระจายตัวบนพื้นที่ 1 ตารางเมตร ค่า Lux จึงมีความสำคัญในการกำหนดระดับแสงที่เหมาะสมสำหรับการทำงาน หรือการใช้ชีวิตในแต่ละพื้นที่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
- เพิ่มความสบายตา ลดอาการเมื่อยล้าทางสายตาและป้องกันปัญหาสุขภาพตาจากการเพ่งทำงาน
- เสริมความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในพื้นที่ที่มีการมองเห็นไม่ค่อยชัดเจน
- ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน แสงสว่างที่เหมาะสมจะช่วยเสริมสมาธิและประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น
- สร้างบรรยากาศที่เหมาะสม ส่งเสริมความรู้สึกผ่อนคลายในพื้นที่
มาตรฐานความสว่างภายในอาคาร
ตามประกาศของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานใน พ.ศ. 2561 ได้มีการกำหนดค่า Lux มาตรฐานสำหรับแต่ละพื้นที่ เพื่อให้เหมาะสมกับลักษณะการใช้งาน ดังนี้
มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ณ บริเวณพื้นที่ทั่วไปและบริเวณการผลิตภายในสถานประกอบกิจการ
บริเวณลักษณะพื้นที่ | ค่าเฉลี่ยความเข้มของแสงสว่าง (LUX) |
ลานจอดรถ ทางเดิน บันได ภายนอกอาคาร | 50 |
ทางเดินบันได ทางเข้าห้องโถง ภายในอาคาร | 100 |
ห้องพักฟื้นสำหรับการปฐมพยาบาล ห้องพักผ่อน | 50 |
ห้องสุขา ห้องอาบน้ำ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า | 100 |
โรงอาหาร ห้องปรุงอาหาร ห้องตรวจรักษา | 300 |
ห้องสำนักงาน ห้องฝึกอบรม ห้องบรรยาย | 300 |
ห้องเก็บวัตถุดิบ บริเวณห้องอบ
หรือห้องทำให้แห้งของโรงซักรีด |
100 |
คลังสินค้า ห้องควบคุม ห้องสวิตช์ | 200 |
บริเวณเตรียมการผลิต พื้นที่บรรจุภัณฑ์ | 300 |
มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง ณ บริเวณที่ลูกจ้างต้องทำงาน โดยใช้สายตามองเฉพาะจุด หรือต้องใช้สายตาอยู่กับที่ในการทำงาน (โรงงาน พื้นที่การผลิต คลังสินค้า)
ลักษณะงาน | ค่าความเข้มของแสงสว่าง (LUX) |
ชิ้นงานมีขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นได้อย่าง
ชัดเจน มีความแตกต่างของสีชัดเจนมาก เช่น การรีดเส้นด้าย การซักรีด การปั๊มขึ้นรูปแก้ว งานเชื่อมเหล็ก การประกอบ เตรียมวัตถุดิบ |
200-300 |
ชิ้นงานมีขนาดปานกลาง สามารถมองเห็นได้
และมีความแตกต่างของสีชัดเจน เช่น งานบรรจุน้ำลงขวดหรือกระป๋อง การทำงานไม้ขนาดปานกลาง |
300-400 |
ชิ้นงานมีขนาดปานกลาง หรือเล็ก สามารถ
มองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจนและมีความแตกต่างของสี ปานกลาง เช่น การเตรียมอาหาร งานประจำในสำนักงาน งานออกแบบและเขียนแบบ งานประกอบรถยนต์และตัวถัง |
400-500 |
ชิ้นงานมีขนาดปานกลาง หรือเล็ก สามารถ
มองเห็นได้แต่ไม่ชัดเจน ต้องใช้สายตาในการทำงานค่อนข้างมาก เช่น งานระบายสี งานพิสูจน์อักษร |
500-600 |
ชิ้นงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่
ชัดเจน ต้องใช้สายตาในการทำงานมาก เช่น การปฏิบัติงานที่ชิ้นงานมีขนาดตั้งแต่ 25 ไมโครเมตร |
700-800 |
ชิ้นงานมีขนาดเล็ก สามารถมองเห็นได้แต่ไม่
ชัดเจน ต้องใช้สายตาและใช้เวลาในการทำงาน เช่น การตรวจสอบ การตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยมือ การเทียบสีในงานย้อมผ้า การร้อยตะกร้อ |
800-1,200 |
ชิ้นงานมีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองเห็นได้
อย่างชัดเจน มีความแตกต่างของสีน้อยมาก ต้องใช้สายตาเพ่งในการทำงานมาก เช่น งานตรวจสอบชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็ก งานละเอียดที่ทำที่โต๊ะ หรือเครื่องจักร ชิ้นงานที่มีขนาดเล็กกว่า 25 ไมโครเมตร |
1,200-1,600 |
ชิ้นงานมีขนาดเล็กมากเป็นพิเศษ ไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีสีไม่แตกต่างกัน ต้องใช้สายตาเพ่งในการทำงานและความชำนาญสูง เช่น การเจียระไนเพชรพลอย งานทางการแพทย์ |
2,500 หรือมากกว่า |
การปรับปรุงค่าความสว่างให้เป็นไปตามมาตรฐาน
การปรับปรุงค่าความสว่างให้ตรงตามมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความสะดวกสบายของผู้ใช้งานด้วย ซึ่งการปรับปรุงสามารถทำได้โดย
- เลือกหลอดไฟที่เหมาะสม โดยเลือกใช้หลอดไฟที่มีค่าความสว่าง (Lumens) สอดคล้องกับค่า Lux ที่ต้องการ
- ตำแหน่งการติดตั้งหลอดไฟ ควรติดตั้งหลอดไฟในตำแหน่งที่สามารถกระจายแสงได้อย่างทั่วถึง เช่น บริเวณเพดาน หรือจุดที่ไม่มีเงาบดบัง รวมถึงใช้อุปกรณ์สะท้อนแสงเพื่อช่วยเพิ่มความสว่าง
- การใช้ Lux Meter เพื่อตรวจสอบและวัดค่าความสว่างในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ทราบว่าความสว่างตรงตามมาตรฐานหรือไม่ และสามารถปรับปรุงได้ตามความจำเป็น
- การบำรุงรักษา ด้วยการทำความสะอาดหลอดไฟและโคมไฟอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นที่อาจลดประสิทธิภาพของแสง และตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้าเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังอยู่ในสภาพที่ดี
Health & Envitech บริการตรวจวัดแสงสว่าง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน
สำหรับผู้ประกอบการ หรือเจ้าของโรงงานที่ต้องการตรวจวัดแสงสว่างและปรับปรุงระบบให้เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อสุขภาพและความปลอดภัย Health & Envitech พร้อมให้บริการตรวจวัดด้านสุขศาสตร์อุตสาหกรรมและความปลอดภัยแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง การตรวจวัดสารเคมีอันตราย การตรวจวัดความร้อน การตรวจวัดเกี่ยวกับที่อับอากาศ การตรวจวัดความสั่นสะเทือน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายและระดับมาตรฐานที่หน่วยงานกำหนด โดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และวิเคราะห์ผลการตรวจวัดอย่างละเอียด เพื่อคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดียิ่งขึ้น สนใจรับคำปรึกษาหรือข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ 0-2952-6305-9, LINE Official https://lin.ee/5oJIwdk หรืออีเมล service@healthenvi.com
ข้อมูลอ้างอิง:
- ประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง มาตรฐานความเข้มของแสงสว่าง. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2567 จาก https://osh.labour.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=1264%3Aupdate-&catid=1%3Anews-thai&Itemid=201